คุม ผัวโหด แทงเมียดับสอบ จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม แม่ค้าเผยผู้ตายมานั่งกินข้าวคนเดียว

[thanin]

คุม ผัวโหด แทงเมียดับสอบ จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม แม่ค้าเผยผู้ตายมานั่งกินข้าวคนเดียว
คุม ผัวโหด แทงเมียดับสอบ หากพบผิดจะแจ้งข้อหาเพิ่ม รับเคยจับได้ว่าเมียแอบคบชายอื่น วันเกิดเหตุพกมีดมาด้วย แต่ไม่เจอมือที่ 3 แม่ค้าเผยผู้ตายนั่งกินข้าวคนเดียว

กรณีนายณัฐพล อายุ 42 ปี ชาว จ.นครปฐม ใช้มีดแทง น.ส.ชลธิชา อายุ 36 ปี เสียชีวิตภายในรถยนต์ ท้ายซอยพุทธมณฑลสาย2 ซอย27 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา หลังจากที่วางแผนซ่อนตัวกระโปรงหลังรถ โมโหจับได้แอบนัดผู้ชายมาร้านอาหาร ก่อนจะใช้หน้าไม้ทำร้ายตัวเองหนีความผิด แต่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 ต.ค.67 ที่สน.ธรรมศาลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายณัฐพล ผัวโหด ออกจากห้องขังมาพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนนำกลับเข้าห้องขังอีกครั้ง

พ.ต.อ.บุญโรจน์ โลจายะ ผกก.สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ก่อเหตุแทงภรรยาเนื่องจากหึงหวง และพยายามใช้หน้าไม้ปลิดชีพตัวเองหนีความผิด ยอมรับเคยจับได้ว่าภรรยามีชายอื่นเมื่อ 3 ปีก่อน จึงเกิดการระแวง แต่ครั้งนี้ไม่เจอบุคคลที่ 3 แต่มีปากเสียงกัน

พ.ต.อ.บุญโรจน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ปมเหตุทั้งหมดเกิดมาจากอาการหึงหวงที่สะสมมานาน เนื่องจากระแวงว่าภรรยาจะแอบไปคบชู้ เพราะที่ผ่านมา ภรรยามีการไปมาหาสู่กับชายคนหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ประกอบกับ 3 ปี ก่อนเคยจับได้ว่าภรรยาแอบคบกับชายอื่น และเคยมีปากเสียงทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้แล้ว

ครั้งนี้จึงตัดสินใจมาแอบที่ท้ายรถยนต์บริเวณฝากระโปรงหลังเพื่อจับผิด ก่อนจะก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเอง โดยใช้มีดที่เตรียมมากระหน่ำแทงทั้งที่บริเวณลำคอ ลำตัว แขน และขา มีบาดแผลสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต คือที่ลำคอทั้งซ้ายและขวา รวมถึงหน้าอกด้านซ้าย นอกนั้นเป็นบาดแผลตามลำตัว จากนั้นนายณัฐพลพยายามที่จะใช้หน้าไม้ยิงเข้าที่ศีรษะ และลำคอของตัวเองแต่ไม่เสียชีวิต  ทางเข้าAdmauto99 ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ได้ และนำไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนคุมตัวมาสอบปากคำ

ขณะที่คำรับสารภาพของผู้ต้องหาเบื้องต้น บอกว่า ช่วงเช้าพยายามแอบอยู่ที่ท้ายรถ ตั้งใจเพียงจะมาจับผิดภรรยาและเตรียมพกมีดมาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะเจอบุคคลที่ 3 หากเกิดมีปากเสียงก็จะใช้มีดที่พกมาป้องกันตัว แต่ผู้ต้องหาบอกว่า ทันทีที่ออกมาจากท้ายกระโปรงรถของภรรยา ไม่เจอบุคคลที่ 3 จึงเกิดการทะเลาะกันภายในรถ ก่อนก่อเหตุขึ้น

ขณะที่ตำรวจสอบถามจากพยานแวดล้อม เป็นแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง เบื้องต้นได้ข้อมูลมาว่า ฝ่ายหญิงที่เสียชีวิตวันเกิดเหตุมาทานอาหารที่ร้านเพียงคนเดียว ใช้เวลาทานประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับไปขึ้นรถ แต่ทางแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน คือวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงมานั่งทานอาหารกับผู้ชายหนึ่งคนจริง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่ผู้ต้องหาระแวงก่อนหน้านี้หรือไม่

โดยหลังจากนี้จะประสานทางแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง รวมถึงหากมีพยานแวดล้อม หรือมีบุคคลอื่นเพิ่มเติม ก็จะเชิญมาให้ปากคำด้วย รวมถึงบุคคลที่ 3 ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างถึง

ส่วนความคืบหน้าทางคดีเบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 2 ข้อหา คือฆ่าคนตายโดยเจตนา พกพาอาวุธไปในเมืองหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งในวันนี้จะมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเข้าข่ายความผิดใด ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ส่วนจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ขึ้น อยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องหา ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติม หากสอบปากคำเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วก็จะดำเนินการฝากขังต่อศาลอาญาตลิ่งชันต่อไป

ปืนหน้าไม้ยิง แทงซ้ำ เมียดับคาเก๋ง โมโหนัดผู้ชายกินข้าว ซ่อนกระโปรงหลังก่อนก่อเหตุ
จากการลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ที่ร้านอาหารตามสั่งกลางซอยที่เกิดเหตุ น.ส.พันนาดา อายุ 45 ปี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง เล่าว่า เท่าที่ตนเห็นช่วงก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายมาคนเดียว เข้ามาสั่งอาหาร ไม่เห็นผู้ก่อเหตุ โดยมานั่งกินข้าวเกือบครึ่งชั่วโมง โดยสั่งเส้นหมี่ราดหน้าหมูสับกุ้ง

โดยก่อนหน้านี้ ผู้ตายก็มากินข้าวประจำ ก่อนหน้านี้ก็มากินกับเพื่อนๆ ที่อู่รถเมล์ ทั้งผู้หญิงและชาย โดยหลังทานข้าวเสร็จก็เดินไปที่รถ โดยหลังจากขึ้นรถตนได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทบนรถ แต่ก็ช่วงแป๊บเดียว โดยมีการบีบแตรดังด้วย ก่อนจะขับรถออกไป ตนก็ไม่เห็นคนก่อเหตุที่ทะเลาะวิวาทด้วย

"ก็สงสัยว่าผู้ตายทะเลาะกับใคร ไม่กล้าเข้าไปด้วย กลัวคนก่อเหตุจะมีอาวุธ ก็ไม่ทราบสาเหตุทะเลาะวิวาท แต่ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องผัวเมียธรรมดา ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตกใจ เพราะผู้ตายก็นิสัยดี" น.ส.พันนาดา กล่าว