• Welcome to เว็บ สมัครรับ สูตรบาคาร่าฟรี 2024 สูตรบาคาร่า AI แม่นยำที่สุด.
 

คู่ชีวิตที่ตามหา! เปิดใจเกย์ทหาร ออกสาวแต่เด็ก ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิง

เริ่มโดย thanin, ส.ค 12, 2024, 09:40 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

thanin

คู่ชีวิตที่ตามหา! เปิดใจเกย์ทหาร ออกสาวแต่เด็ก ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิง ภรรยาเล่าจุดเริ่มต้น
คู่ชีวิตที่ตามหา! เปิดใจเกย์ทหาร ออกสาวแต่เด็ก ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิง เจอเรื่องใหญ่หลังใช้ชีวิตคู่ ภรรยาเล่าจุดเริ่มต้น สบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก @thinktong879 โพสต์คลิปวิดีโอเรื่องราวความรักของตัวเอง ซึ่งเป็นคู่รัก LGBTQ+ เมื่อเกย์ทหารรักกับผู้หญิง ตกลงแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน


วันที่ 11 ส.ค.67 พ.อ.ต.อัษฎาวุธ คล้ายสวน หรือต่อง และ น.ส.ศิริกาญจน์ คล้ายสวน หรือมะปราง สามีภรรยา เปิดเผยกับ 'ข่าวสดออนไลน์' โดย พ.อ.ต.อัษฎาวุธ เล่าว่า ตนเป็นเกย์ตั้งแต่จำความได้ เพราะชอบผู้ชายมาโดยตลอด ต่อมาก็เริ่มสับสนว่า ตนเป็นเพศอะไร เนื่องจากตนชอบหรือคบได้หมดทุกเพศ ไม่ว่าเป็นทอม กะเทย ผู้ชาย หรือเกย์ แต่ตนก็มีลักษณะออกสาว จนสุดท้ายเมื่อได้แต่งงานกับภรรยา ตนจึงนิยามตัวเองว่าเป็น แพนเซ็คชวล (Pansexual) หมายถึง ความเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะชายหรือหญิงที่อยู่ในสถานภาพใดก็ตาม

น.ส.ศิริกาญจน์ เล่าว่า ส่วนจุดเริ่มต้นของการแต่งงาน และกลายมาเป็นสามีภรรยากันในวันนี้นั้น มาจากที่ครอบครัวของพวกตนเกี่ยวดองกัน ทำให้ตนมีศักดิ์เป็นหลานของสามี แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องผูกพันกันทางสายเลือด ซึ่งพวกตนเคยเจอกันบ้าง และตนก็จำสามีได้ เนื่องจากเขามาบุคลิกที่ชัดเจน มีความออกสาวตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่ไม่เคยคุยกัน เพราะตนก็มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยพบปะพูดคุยกับใคร

จนกระทั่งอายุ 16 ปี ตอนนั้นสามี อายุ 31 ปี วันนั้นถือเป็นวันแรกที่ได้เจอและพูดคุยกันอย่างชัดเจนที่สุด นั่นคืองานเลี้ยงวันเกษียณอายุราชการของพ่อสามี บรรดาญาติผู้ใหญ่ต่างแซวให้พวกตนไปร้องเพลงคู่กัน พร้อมกับพูดกับสามีตนว่า "ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ก็มีครอบครัวได้นะ" และทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสามีตนเป็นกลุ่ม LGBTQ+ หลังจากนั้นพวกตนก็เริ่มสนิท และพูดคุยกันมากขึ้น Admauto99

ซึ่งสามีในตอนนั้นก็คอยช่วยเหลือ และสนับสนุนตนในทุกเรื่อง คอยให้คำปรึกษาในวันที่ตนมีปัญหา เพราะตอนนั้นตนก็ยังเรียนอยู่ด้วย ไม่ได้เกิดความเสน่หาเกิดขึ้นแต่อย่างใด จนกลายเป็นความผูกพัน พวกตนทั้งคู่ไม่มีวันครบรอบ ไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเหมือนคู่อื่นๆ เพราะอยู่ด้วยกันเพื่อซัพพอร์ตกันและกัน รู้สึกดีต่อกัน และรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน

น.ส.ศิริกาญจน์ เล่าต่อว่า จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 2 ปี ผู้ใหญ่อยากจะให้หมั้นหมายเอาไว้ก่อน เลยไปดูดวงกับพระที่นับถือ แต่พระท่านบอกว่า จะหมั้นทำไม แต่งงานไปเลย เพราะพวกตนทั้งคู่ดวงสมพงษ์ และสนับสนุนกันและกัน จึงได้แต่งงานกัน และอยู่กันมาถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้หลายคนมองว่าที่ตนแต่งงานเร็วเพราะท้อง หรือไม่อยากเรียนหรือเปล่า หลายคนมองว่า แต่งงานคือทางตันของชีวิต ไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้อีกแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของคน 2 คน ที่มีกันแล้วกันมันดีกว่า เพราะตอนนี้ตนก็ยังเรียนอยู่ และทำงานไปด้วยได้

ขณะที่ พ.อ.ต.อัษฎาวุธ เล่าเสริมว่า หลังจากแต่งงานกัน แน่นอนว่าต้องปรับตัวค่อนข้างมาก เพราะตนไม่เคยใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงทุกวันขนาดนี้มาก่อน เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับตนเลยคือเรื่องของฮอร์โมนของผู้หญิงที่ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนอย่างมาก ตนเชื่อว่าผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้หญิงทุกคนต้องพบเจอเช่นเดียวกับตน แรกๆ ตนไม่เข้าใจ แต่พอเวลาผ่านไป ตนก็พยายามทำความเข้าใจว่านี่เป็นธรรมชาติของผู้หญิง พยายามปรับตัว และให้ความเห็นอกเห็นใจเขา

แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้น ไม่มีอะไรที่ตนต้องปรับ หรือพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเขารับตนในแบบนี้ได้มาตั้งแต่แรก ทุกวันนี้เวลาเดินไปไหน เขาไม่อายที่จะจับมือหรือกอดตน ตั้งแต่แรกที่คบกัน เราไม่เคยตกลงกันว่า ตนจะทำหน้าที่ผู้ชาย หรือเขาจะต้องทำหน้าที่ผู้หญิง ไม่ได้เอาเรื่องวิถีเพศมาเป็นกรอบ มองว่าคน 2 คนมารักกัน ดูแลกัน อย่างเช่นวันนี้ที่ตนทำผมให้เขา เขาก็แต่งหน้าให้ตน จึงทำให้อยู่ด้วยกันได้ง่าย

ด้าน น.ส.ศิริกาญจน์ เล่าต่อว่า ส่วนตนไม่ได้ใฝ่หาความแมนจากสามีแต่อย่างใด เพราะตนก็สามารถดูแลตัวเองได้ดี และเขาก็ดูแลตนดีในแบบของเขา อาจจะไม่ได้ดูแลในเรื่องที่ต้องใช้พละกำลัง แต่เขาจะดูแลตนได้ดีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สำคัญยังทำให้ตนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะมีคนทำผมช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัวให้ เนื่องจากตนโตมากับผู้ชาย จึงไม่ค่อยแต่งหน้าแต่งตัว จึงรู้สึกดีมากที่เขาเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องนี้ อีกทั้งเขายังมีความเป็นผู้ใหญ่ เมื่อมีปัญหาจะใช้การพูดคุยและคิดแก้ไข ไม่เคยตำหนิ หรือใช้กำลังกับตนเลย และเวลาที่อยู่กับตนเขาจะไม่ออกสาวมากนัก แต่เวลาอยู่กับเพื่อนจะมีการพูดคุยค่อนข้างออกรส ซึ่งตนก็รับได้

พ.อ.ต.อัษฎาวุธ เล่าว่า อย่างไรก็ตามถึงแม้คนในครอบครัวพวกตนจะยอมรับได้ทั้งหมด แต่ก็มีเสียงจากคนรอบข้างที่มีความคิดล้าสมัยบ้าง ซึ่งตนน้อมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่คงจะไม่เก็บมาคิดเพื่อให้ตนบั่นทอนตัวเอง อย่างไรก็ตามที่ทำงานน่ารักมาก เพราะตนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเวลาที่ตนทำงานก็จะนิ่งกว่านี้ เพราะรู้กาลเทศะดีว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม จึงทำให้ทุกคนที่รู้ต่างยินดีที่ตนเลือกทางเดินชีวิตแบบนี้

สุดท้ายมองว่าตนทั้งคู่เป็นเหมือนคู่ชีวิตของกันและกัน หากเปรียบในสนามรบก็จะเป็นคนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันไป คอยระวังให้กันและกัน ตนดีใจมาก ๆ ที่ตอนนี้ทั่วโลกเปิดรับพวกเราชาว LGBTQ+ มากขึ้น ไม่ได้ใช้เพศกำหนดความรักว่า ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง เท่านั้น ทุกคนเหมาะสมกับคำว่ารัก ที่อยู่ด้วยกัน เข้าใจกัน ซัพพอร์ตกัน และแต่งงานกันแบบคู่ตน