- Welcome to เว็บ สมัครรับ สูตรบาคาร่าฟรี 2024 สูตรบาคาร่า AI แม่นยำที่สุด.
กระทู้ล่าสุด
#51
General Discussion / สึบาสะ อามามิ ดาราเอวีขวัญใจหน...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ต.ค 03, 2024, 09:25 ก่อนเที่ยงสึบาสะ อามามิ ดาราเอวีขวัญใจหนุ่มไทย ประกาศพักงานอย่างไม่มีกำหนด
สึบาสะ อามามิ ดาราเอวีขวัญใจหนุ่มไทย ประกาศพักงานอย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป หลังเดบิวต์อยู่ในวงการมากว่า 15 ปี
ถือเป็นอีกหนึ่งดาราเอวีขวัญใจชาวไทย สำหรับ สึบาสะ อามามิ นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่จากค่าย Ideapocket และ Tameike Goro
ล่าสุดเธอออกมาประกาศข่าวร้ายให้ชาย ๆ หลายคนทราบผ่านทาง X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัวของเธอ โดยระบุดังนี้ Admauto99
วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นวันครบรอบ 15 ปี ของการเดบิวต์ของฉันในชื่อ สึบาสะ อามามิ ขอบคุณสำหรับความรักของพวกคุณ
ปีนี้เหลืออีกเพียง 3 กิจกรรมเท่านั้น และฉันจะหยุดพักงานแสดง (เอวี) ตั้งแต่เดือน พ.ย. โดยที่ไม่มีกำหนดจะกลับมา และฉันจะสนุกเต็มที่ไปกับงานในเดือนที่เหลือ
อย่างไรก็ตามการประกาศดังกล่าวของ "กัปตันสึบาสะ" ไม่ได้ระบุว่าเป็นการประกาศอำลาวงการแต่อย่างใด
Photo : IG amami_tsubasa000
สึบาสะ อามามิ ดาราเอวีขวัญใจหนุ่มไทย ประกาศพักงานอย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป หลังเดบิวต์อยู่ในวงการมากว่า 15 ปี
ถือเป็นอีกหนึ่งดาราเอวีขวัญใจชาวไทย สำหรับ สึบาสะ อามามิ นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่จากค่าย Ideapocket และ Tameike Goro
ล่าสุดเธอออกมาประกาศข่าวร้ายให้ชาย ๆ หลายคนทราบผ่านทาง X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัวของเธอ โดยระบุดังนี้ Admauto99
วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นวันครบรอบ 15 ปี ของการเดบิวต์ของฉันในชื่อ สึบาสะ อามามิ ขอบคุณสำหรับความรักของพวกคุณ
ปีนี้เหลืออีกเพียง 3 กิจกรรมเท่านั้น และฉันจะหยุดพักงานแสดง (เอวี) ตั้งแต่เดือน พ.ย. โดยที่ไม่มีกำหนดจะกลับมา และฉันจะสนุกเต็มที่ไปกับงานในเดือนที่เหลือ
อย่างไรก็ตามการประกาศดังกล่าวของ "กัปตันสึบาสะ" ไม่ได้ระบุว่าเป็นการประกาศอำลาวงการแต่อย่างใด
Photo : IG amami_tsubasa000
#52
General Discussion / สสส. ปลูกนิสัยเด็กไทย สวมหมวกน...
กระทู้ล่าสุด โดย ibl - ต.ค 02, 2024, 11:14 ก่อนเที่ยงสสส. ปลูกนิสัยเด็กไทย สวมหมวกนิรภัย 100% หนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และทุกระดับ เดินหน้าขยายผล
แม้ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการสำรวจพบว่าคนไทยสวมหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อกต่ำกว่า 50% ทั้งที่อัตราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์มากถึง 82.5% แต่ในสถิติเหล่านั้นก็มีตัวเลขหนึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ พบกลุ่มเด็กที่ซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้น 16% โดยจังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่มีเด็กสวมหมวกเพิ่มสูงสุดถึง 32% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานเชิงลึกของภาคีเครือข่ายที่เห็นความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนแก่เด็กเล็ก ประกอบกับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมในระดับต่างๆ ทั้งจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หน่วยงานส่วนตำบล ส่วนอำเภอ รวมถึงจังหวัด จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอีกหลายพื้นที่ และหลายจังหวัด ครั้งนี้ สสส. จึงพร้อมผนึกกำลังกับมูลนิธิไทยโรดส์ และภาคีเครือข่าย เดินหน้าขยายผลอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังให้เกิดเป็นความยั่งยืน เพื่อ #Saveสมองเด็กไทย สวมหมวกนิรภัย 100%
ปลูกวินัยจราจรตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่ออนาคต สมัครbl88game
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวบนเวทีการแถลงผลสำรวจอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ปี 2566 ที่จัดขึ้นโดยการร่วมมือของ สสส. และมูลนิธิไทยโรดส์ ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Watch) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า สสส. เชื่อมั่นถึงการปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับปฐมวัยที่การปลูกฝังเรื่องต่างๆ สามารถส่งผลเนื่องไปถึงอนาคตเมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้นได้ เหตุนี้จึงเข้าสนับสนุนและขับเคลื่อนการสวมหมวกนิรภัยผ่านโครงการ "ห่วงใครให้ใส่หมวก" โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษา เพื่อร่วมขยายผลการสวมหมวกนิรภัยในสถานศึกษา ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้เน้นขับเคลื่อนในศูนย์พัฒนาเด็กเพื่อให้เป็นต้นแบบความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้น
"ในปีที่ผ่านมาอัตราการสวมหมวกนิรภัยในกลุ่มเด็กมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น จากค่าเฉลี่ย 7-8% เป็น 16% โดยเฉพาะจังหวัดตราดและจังหวัดภูเก็ตที่มีอัตราส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 จาก 1% และ 14% เป็น 32% และ 23% ตามลำดับ ตัวเลขนี้ช่วยสะท้อนความสำเร็จหนึ่งจากหลายๆ แนวทางได้ โดยเฉพาะการส่งเสริมและขยายผลการสวมหมวกนิรภัยในสถานศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มต้นด้วยการไปร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และตอนนี้เราก็มุ่งหวังอยากขยายผลต่อเนื่องเพื่อภาพรวมของประเทศ เพียงแต่หากลงลึกในรายละเอียดแล้วก็ยังพบข้อจำกัดในบางเรื่องอยู่ เช่นในส่วนของประชาชนเอง การมีหมวกกันน็อกหรือหมวกนิรภัยสำหรับเด็กๆ ทุกบ้านนั้นก็อาจไม่ง่าย เนื่องจากเด็กโตเร็ว ขนาดและรูปศีรษะก็เปลี่ยนเร็ว ทุกครอบครัวคงไม่สามารถเปลี่ยนหมวกนิรภัยได้บ่อยๆ แนวทางที่เรามองเห็นจึงได้แก่การมีหมวกนิรภัยแบบหมุนเวียนเพื่อใช้ในศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ และเกิดเป็นแรงจูงใจต่อการใช้หมวกนิรภัยอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น รวมถึงยังจะได้สร้างความปลอดภัยให้แก่เด็กๆ อย่างต่อเนื่องไปอีก โดยร่วมกับ สปสช. จัดหาหมวกนิรภัยเพื่อใช้แบบหมุนเวียนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขึ้น ซึ่ง สสส. เชื่อว่า เป็นแนวทางที่เป็นไปได้ เนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นจากความร่วมมือจากหน่วยงานระดับชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล ไปจนถึงระดับอำเภอ และจังหวัด ด้วยนั่นเอง"
นพ.พงศ์เทพ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่การปฏิบัติ หากเด็กๆ สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น ก็เป็นไปได้ว่าผู้ปกครองมีแนวโน้มจะสวมหมวกมากขึ้นได้ สอดคล้องกับแนวทางของคุณพรทิพภา สุริยะ ผู้ขับเคลื่อน "โครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กต้นแบบในการจัดการความปลอดภัยทางถนน โดยการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน" ที่กล่าวบนเวที "เสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19" ว่าการขับเคลื่อนการส่งเสริมการสร้างความปลอดภัยในเด็กเล็กเรื่องการสวมหมวกนิรภัยได้ส่งผลสะท้อนไปถึงผู้ปกครองด้วยอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ของศูนย์เด็กเล็กหลายแห่งที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมากขึ้น ขณะเดียวกันหลายกิจกรรมก็ยังส่งผลดีต่อเนื่อง อย่างการส่งมอบความรู้ความเข้าใจด้านวินัยจราจร รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นได้อีกทาง
ผนึกกำลัง #Saveสมองเด็กไทย
สำหรับการแถลงผลสำรวจอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ปี 2566 ที่ผ่านมา มีข้อมูลจากมูลนิธิไทยโรดส์ และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Watch) จากการสำรวจพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ปี 2553 ถึง ปี 2566 น่าสนใจที่จะสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อต่อยอดและขับเคลื่อนอย่างมีทิศทางต่อไป โดย คุณณัฐพงศ์ บุญตอบ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิไทยโรดส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของประเทศ มีผู้ใช้รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยเพียง 43% แบ่งเป็นคนขี่และคนซ้อนที่สวมหมวกนิรภัย 48% และ 21% ตามลำดับ
โดยแต่ละภาคมีจังหวัดที่สวมหมวกนิรภัยสูงสุด ได้แก่
- ภาคเหนือ คือจังหวัดเชียงใหม่ 59%
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือจังหวัดสุรินทร์ 53%
- ภาคกลางและภาคตะวันออก (ไม่รวมกรุงเทพฯ) คือจังหวัดตราด 67%
- ภาคใต้ คือจังหวัดภูเก็ต 55%
- และกรุงเทพฯ 71%
แม้ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการสำรวจพบว่าคนไทยสวมหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อกต่ำกว่า 50% ทั้งที่อัตราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์มากถึง 82.5% แต่ในสถิติเหล่านั้นก็มีตัวเลขหนึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ พบกลุ่มเด็กที่ซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้น 16% โดยจังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่มีเด็กสวมหมวกเพิ่มสูงสุดถึง 32% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานเชิงลึกของภาคีเครือข่ายที่เห็นความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนแก่เด็กเล็ก ประกอบกับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมในระดับต่างๆ ทั้งจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หน่วยงานส่วนตำบล ส่วนอำเภอ รวมถึงจังหวัด จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอีกหลายพื้นที่ และหลายจังหวัด ครั้งนี้ สสส. จึงพร้อมผนึกกำลังกับมูลนิธิไทยโรดส์ และภาคีเครือข่าย เดินหน้าขยายผลอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังให้เกิดเป็นความยั่งยืน เพื่อ #Saveสมองเด็กไทย สวมหมวกนิรภัย 100%
ปลูกวินัยจราจรตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่ออนาคต สมัครbl88game
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวบนเวทีการแถลงผลสำรวจอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ปี 2566 ที่จัดขึ้นโดยการร่วมมือของ สสส. และมูลนิธิไทยโรดส์ ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Watch) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า สสส. เชื่อมั่นถึงการปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับปฐมวัยที่การปลูกฝังเรื่องต่างๆ สามารถส่งผลเนื่องไปถึงอนาคตเมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้นได้ เหตุนี้จึงเข้าสนับสนุนและขับเคลื่อนการสวมหมวกนิรภัยผ่านโครงการ "ห่วงใครให้ใส่หมวก" โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษา เพื่อร่วมขยายผลการสวมหมวกนิรภัยในสถานศึกษา ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้เน้นขับเคลื่อนในศูนย์พัฒนาเด็กเพื่อให้เป็นต้นแบบความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้น
"ในปีที่ผ่านมาอัตราการสวมหมวกนิรภัยในกลุ่มเด็กมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น จากค่าเฉลี่ย 7-8% เป็น 16% โดยเฉพาะจังหวัดตราดและจังหวัดภูเก็ตที่มีอัตราส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 จาก 1% และ 14% เป็น 32% และ 23% ตามลำดับ ตัวเลขนี้ช่วยสะท้อนความสำเร็จหนึ่งจากหลายๆ แนวทางได้ โดยเฉพาะการส่งเสริมและขยายผลการสวมหมวกนิรภัยในสถานศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มต้นด้วยการไปร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และตอนนี้เราก็มุ่งหวังอยากขยายผลต่อเนื่องเพื่อภาพรวมของประเทศ เพียงแต่หากลงลึกในรายละเอียดแล้วก็ยังพบข้อจำกัดในบางเรื่องอยู่ เช่นในส่วนของประชาชนเอง การมีหมวกกันน็อกหรือหมวกนิรภัยสำหรับเด็กๆ ทุกบ้านนั้นก็อาจไม่ง่าย เนื่องจากเด็กโตเร็ว ขนาดและรูปศีรษะก็เปลี่ยนเร็ว ทุกครอบครัวคงไม่สามารถเปลี่ยนหมวกนิรภัยได้บ่อยๆ แนวทางที่เรามองเห็นจึงได้แก่การมีหมวกนิรภัยแบบหมุนเวียนเพื่อใช้ในศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ และเกิดเป็นแรงจูงใจต่อการใช้หมวกนิรภัยอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น รวมถึงยังจะได้สร้างความปลอดภัยให้แก่เด็กๆ อย่างต่อเนื่องไปอีก โดยร่วมกับ สปสช. จัดหาหมวกนิรภัยเพื่อใช้แบบหมุนเวียนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขึ้น ซึ่ง สสส. เชื่อว่า เป็นแนวทางที่เป็นไปได้ เนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นจากความร่วมมือจากหน่วยงานระดับชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล ไปจนถึงระดับอำเภอ และจังหวัด ด้วยนั่นเอง"
นพ.พงศ์เทพ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่การปฏิบัติ หากเด็กๆ สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น ก็เป็นไปได้ว่าผู้ปกครองมีแนวโน้มจะสวมหมวกมากขึ้นได้ สอดคล้องกับแนวทางของคุณพรทิพภา สุริยะ ผู้ขับเคลื่อน "โครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กต้นแบบในการจัดการความปลอดภัยทางถนน โดยการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน" ที่กล่าวบนเวที "เสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19" ว่าการขับเคลื่อนการส่งเสริมการสร้างความปลอดภัยในเด็กเล็กเรื่องการสวมหมวกนิรภัยได้ส่งผลสะท้อนไปถึงผู้ปกครองด้วยอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ของศูนย์เด็กเล็กหลายแห่งที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมากขึ้น ขณะเดียวกันหลายกิจกรรมก็ยังส่งผลดีต่อเนื่อง อย่างการส่งมอบความรู้ความเข้าใจด้านวินัยจราจร รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นได้อีกทาง
ผนึกกำลัง #Saveสมองเด็กไทย
สำหรับการแถลงผลสำรวจอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ปี 2566 ที่ผ่านมา มีข้อมูลจากมูลนิธิไทยโรดส์ และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Watch) จากการสำรวจพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ปี 2553 ถึง ปี 2566 น่าสนใจที่จะสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อต่อยอดและขับเคลื่อนอย่างมีทิศทางต่อไป โดย คุณณัฐพงศ์ บุญตอบ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิไทยโรดส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของประเทศ มีผู้ใช้รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยเพียง 43% แบ่งเป็นคนขี่และคนซ้อนที่สวมหมวกนิรภัย 48% และ 21% ตามลำดับ
โดยแต่ละภาคมีจังหวัดที่สวมหมวกนิรภัยสูงสุด ได้แก่
- ภาคเหนือ คือจังหวัดเชียงใหม่ 59%
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือจังหวัดสุรินทร์ 53%
- ภาคกลางและภาคตะวันออก (ไม่รวมกรุงเทพฯ) คือจังหวัดตราด 67%
- ภาคใต้ คือจังหวัดภูเก็ต 55%
- และกรุงเทพฯ 71%
#53
General Discussion / ผอ.โรงเรียนบ้านม่วง เล็งทบทวนท...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ต.ค 02, 2024, 08:48 ก่อนเที่ยงผอ.โรงเรียนบ้านม่วง เล็งทบทวนทัศนศึกษา ยันไม่ยกเลิก ไม่เอาบัสติดก๊าซ-ใช้น้ำมันเท่านั้น
ขอนแก่น คณะครู-นร. ยืนสงบนิ่งอาลัย โศกนาฏกรรมบัสมรณะ ผอ.โรงเรียน เล็งทบทวนมาตรการทัศนศึกษา ยันไม่ยกเลิก เน้นความปลอดภัยอันดับแรก ย้ำไม่เอารถบัสติดถังก๊าซ ต้องใช้น้ำมันเท่านั้น
2 ต.ค. 67 – นายชิตเมธา ทาสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำคณะครู 21 คน และนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 384 คน Admauto99
ร่วมกันจัดกิจกรรมไว้อาลัยสงบนิ่งหน้าเสาธง 1 นาที เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยกับ เหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา จากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ทำให้ครู และนักเรียนเสียชีวิตรวม 23 คน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ ยังทำให้เกิดคำถามตามมา ถึงความจำเป็นในการพาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษา ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ทำให้เกิดดราม่าบนโลกโซเชียลมีคนบางส่วนเรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในเด็กเล็ก
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง เปิดเผยว่า คณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านม่วง รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติทางโรงเรียนจะมีการจัดทัศนศึกษา ปีละ 1 ครั้ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ จะต้องมีการทบทวนในหลายๆเรื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นก็ตาม
โดยทางโรงเรียนบ้านม่วง จะมีการประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ทบทวนเรื่องการไปทัศนศึกษาจะเน้นไปทัศนศึกษาใกล้โรงเรียนเป็นหลัก คำนึงถึงระยะทางและเวลาในการเดินทางต้องมีความเหมาะสม และเรื่องความปลอดภัยต้องมาอันดับแรก ที่สำคัญก่อนออกเดินทางจะต้องมีการประชุมผู้ปกครองทุกครั้ง และเด็กนักเรียนจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองถึงจะอนุญาตให้เข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้การเลือกรถโดยสารที่ใช้เดินทาง จะต้องเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งตัวรถ อุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารรวมถึงคนขับ จะต้องมีความพร้อม หากรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซ ngv จะไม่อนุญาตทันที
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง แสดงความคิดเห็น กรณีดราม่าในโลกโซเชียล เรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในนักเรียนเด็ก ว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการไปทัศนศึกษายังมีความสำคัญกับเด็ก เพราะเด็กบางคนด้อยโอกาส พ่อแม่ไม่มีโอกาสได้พาไป ทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญในส่วนนี้ แต่ว่า ต้องละเอียดรอบคอบ และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยหลายๆด้าน โดยความปลอดภัยต้องมาอันดับ 1 และคณะครูที่เดินทางไปร่วมกับเด็ก ต้องมีความรู้เรื่องแผนเผชิญเหตุ ซึ่งโรงเรียนบ้านม่วง มีการ ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ และ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคุณครูเป็นประจำ เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็สามารถนำมาใช้ได้
ขอนแก่น คณะครู-นร. ยืนสงบนิ่งอาลัย โศกนาฏกรรมบัสมรณะ ผอ.โรงเรียน เล็งทบทวนมาตรการทัศนศึกษา ยันไม่ยกเลิก เน้นความปลอดภัยอันดับแรก ย้ำไม่เอารถบัสติดถังก๊าซ ต้องใช้น้ำมันเท่านั้น
2 ต.ค. 67 – นายชิตเมธา ทาสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำคณะครู 21 คน และนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 384 คน Admauto99
ร่วมกันจัดกิจกรรมไว้อาลัยสงบนิ่งหน้าเสาธง 1 นาที เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยกับ เหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา จากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ทำให้ครู และนักเรียนเสียชีวิตรวม 23 คน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ ยังทำให้เกิดคำถามตามมา ถึงความจำเป็นในการพาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษา ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ทำให้เกิดดราม่าบนโลกโซเชียลมีคนบางส่วนเรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในเด็กเล็ก
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง เปิดเผยว่า คณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านม่วง รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติทางโรงเรียนจะมีการจัดทัศนศึกษา ปีละ 1 ครั้ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ จะต้องมีการทบทวนในหลายๆเรื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นก็ตาม
โดยทางโรงเรียนบ้านม่วง จะมีการประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ทบทวนเรื่องการไปทัศนศึกษาจะเน้นไปทัศนศึกษาใกล้โรงเรียนเป็นหลัก คำนึงถึงระยะทางและเวลาในการเดินทางต้องมีความเหมาะสม และเรื่องความปลอดภัยต้องมาอันดับแรก ที่สำคัญก่อนออกเดินทางจะต้องมีการประชุมผู้ปกครองทุกครั้ง และเด็กนักเรียนจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองถึงจะอนุญาตให้เข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้การเลือกรถโดยสารที่ใช้เดินทาง จะต้องเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งตัวรถ อุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารรวมถึงคนขับ จะต้องมีความพร้อม หากรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซ ngv จะไม่อนุญาตทันที
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง แสดงความคิดเห็น กรณีดราม่าในโลกโซเชียล เรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในนักเรียนเด็ก ว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการไปทัศนศึกษายังมีความสำคัญกับเด็ก เพราะเด็กบางคนด้อยโอกาส พ่อแม่ไม่มีโอกาสได้พาไป ทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญในส่วนนี้ แต่ว่า ต้องละเอียดรอบคอบ และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยหลายๆด้าน โดยความปลอดภัยต้องมาอันดับ 1 และคณะครูที่เดินทางไปร่วมกับเด็ก ต้องมีความรู้เรื่องแผนเผชิญเหตุ ซึ่งโรงเรียนบ้านม่วง มีการ ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ และ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคุณครูเป็นประจำ เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็สามารถนำมาใช้ได้
#54
General Discussion / ผู้ปกครองน้ำตาตก เป็นห่วงลูกหล...
กระทู้ล่าสุด โดย ibl - ต.ค 01, 2024, 11:45 ก่อนเที่ยงผู้ปกครองน้ำตาตก เป็นห่วงลูกหลาน ปักหลักรอความชัดเจนเหตุ "ไฟไหม้บัสนักเรียน"
ผู้ปกครองน้ำตาตก เป็นห่วงลูกหลาน ปักหลักรอฟังข่าวเหตุ "ไฟไหม้บัสนักเรียน" ขณะที่ "ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี" ตั้ง "โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม" เป็นศูนย์บัญชาการเพื่อรอความชัดเจน
จากกรณีเหตุการณ์สุดสลด เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 ซึ่งเป็นรถของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี กำลังพานักเรียนไปทัศนศึกษา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว Bl88bet (ชมสด เกาะติดสถานการณ์ "ไฟไหม้รถบัสนักเรียน" บาดเจ็บ-เสียชีวิตหลายราย)
ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ผู้ปกครองเด็กนักเรียนนับร้อยคนต่างมาที่โรงเรียน เพื่อรอรายชื่อของเด็กผู้เสียชีวิตและรายชื่อเด็กที่รอดชีวิต ซึ่งมีรายละเอียดนักเรียน และครูที่อยู่ในรถบัสคันดังกล่าว มีเด็กทั้งหมด 38 คน และครู 6 คน แบ่งเป็นดังนี้
นักเรียนอนุบาล 2 มี 2 คน
นักเรียนอนุบาล 3 มี 3 คน
นักเรียน ป.1 มี 7 คน
นักเรียน ป.2 มี 7 คน
นักเรียน ป.3 มี 7 คน
นักเรียน ป.4 มี 6 คน
นักเรียน ม.2 มี 2 คน
นักเรียน ม.3 มี 4 คน
ครู 6 คน สูญหาย 3
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้ตั้งที่โรงเรียนเป็นศูนย์บัญชาการเพื่อรอความชัดเจน ขณะที่ นางสำฤทธิ์ อายุ 66 ปี หนึ่งในผู้ปกครองที่มารอคำตอบเพราะมีหลานของตัวเองอยู่ในรถบัสสองคน ซึ่งยังไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นอย่างไร ทำได้เพียงนั่งรอความชัดเจนต่อไป.
ผู้ปกครองน้ำตาตก เป็นห่วงลูกหลาน ปักหลักรอฟังข่าวเหตุ "ไฟไหม้บัสนักเรียน" ขณะที่ "ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี" ตั้ง "โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม" เป็นศูนย์บัญชาการเพื่อรอความชัดเจน
จากกรณีเหตุการณ์สุดสลด เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 ซึ่งเป็นรถของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี กำลังพานักเรียนไปทัศนศึกษา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว Bl88bet (ชมสด เกาะติดสถานการณ์ "ไฟไหม้รถบัสนักเรียน" บาดเจ็บ-เสียชีวิตหลายราย)
ล่าสุด เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ผู้ปกครองเด็กนักเรียนนับร้อยคนต่างมาที่โรงเรียน เพื่อรอรายชื่อของเด็กผู้เสียชีวิตและรายชื่อเด็กที่รอดชีวิต ซึ่งมีรายละเอียดนักเรียน และครูที่อยู่ในรถบัสคันดังกล่าว มีเด็กทั้งหมด 38 คน และครู 6 คน แบ่งเป็นดังนี้
นักเรียนอนุบาล 2 มี 2 คน
นักเรียนอนุบาล 3 มี 3 คน
นักเรียน ป.1 มี 7 คน
นักเรียน ป.2 มี 7 คน
นักเรียน ป.3 มี 7 คน
นักเรียน ป.4 มี 6 คน
นักเรียน ม.2 มี 2 คน
นักเรียน ม.3 มี 4 คน
ครู 6 คน สูญหาย 3
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้ตั้งที่โรงเรียนเป็นศูนย์บัญชาการเพื่อรอความชัดเจน ขณะที่ นางสำฤทธิ์ อายุ 66 ปี หนึ่งในผู้ปกครองที่มารอคำตอบเพราะมีหลานของตัวเองอยู่ในรถบัสสองคน ซึ่งยังไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นอย่างไร ทำได้เพียงนั่งรอความชัดเจนต่อไป.
#55
General Discussion / รมช.คลังแจงแล้ว สะพัด เงินดิจิ...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ต.ค 01, 2024, 09:00 ก่อนเที่ยงรมช.คลังแจงแล้ว สะพัด เงินดิจิทัล เฟส 2 แจก 5,000 บาทจริงมั้ย ชี้เฟสถัดไปทำในรูปแบบดิจิทัล
รมช.คลังแจงแล้ว สะพัดหนัก เงินดิจิทัล เฟส 2 แจก 5,000 บาทจริงมั้ย ชี้เฟสถัดไปจะทำในรูปแบบดิจิทัล แต่ต้องรอมติบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจสรุป
วันที่ 1 ต.ค.2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ที่มีการจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านประชาชนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการรวม 4 วันว่า ขณะนี้ดำเนินการโอนครบถ้วน มีผู้ที่โอนไม่ผ่าน 380,000 ราย ประมาณ 2 % ถือเป็นตัวได้ที่รับได้และยังโอนซ้ำ 3 รอบคือ
วันที่ 22 ของทุกเดือนทั้งเดือนตุลาคมพฤศจิกายน และธันวาคม จากการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้นกลุ่มผู้พิการยังมีผู้ค้างอยู่ 8,829 ราย ส่วนใหญ่ มีปัญหาเรื่องบัตร และมีบางส่วนสิทธิ์ซ้ำกับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 93,000 ราย
ทางกรมบัญชีกลางได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบางส่วน เพราะบางคนมีทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีบัตรผู้พิการ จึงมีการเปลี่ยนช่องทางการโอนเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เงินก็ถึงเรียบร้อย และมีผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการอีก 372,458 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่มีบัญชีหรือบัญชีปิดไปแล้ว ธนาคารถือว่าบัญชีไม่มีการใช้เงินกว่า 20,000 ราย และยังมีผู้ที่ไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วย เลยโอนเงินไม่ได้ Admauto99
"ผู้ที่ยังไม่ตรวจเช็คสิทธิ์สามารถตรวจเช็คสิทธิ์ตัวเองได้ในช่องทางรัฐจ่าย และต้องดูเป็นกรณีไป เพราะช่วงที่ผ่านมาได้รับข้อมูลจากทางออนไลน์ ถ้าสงสัย แต่ไม่มีข้อมูลพื้นฐาน รัฐก็ไม่สามารถเช็คให้ได้ ซึ่งต้องให้เลขบัตรประชาชนและชื่อกับรัฐบาลในการตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบ ก็ไม่ค่อยพบข้อผิดพลาด" นายจุลพันธ์ กล่าว
ขณะนี้เงินเข้าระบบไปแล้วประมาณ 141,000 ล้านบาท และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการคาดการณ์ในเบื้องต้นจะโต 3.35 % ส่วนการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น ตอนนี้ต้องคิดเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะถ้ารออีก 3 เดือน อาจจะเกิดผลทางลบต่อภาวะการทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าการปรับครั้งนี้เป็นการปรับให้ตรงกับผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยอมรับว่ามีการใช้นอกเหนือจากสิ่งที่เราหวัง แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนคิดเป็นจำนวนน้อยมาก และนำเรื่องนี้มาเป็นปัญหาจนไม่สามารถเดินหน้าโครงการไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเฟสถัดไปพยายามจะทำในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เม็ดเงินตรงกับสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมดให้ได้
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าในเฟส 2 จะแจกเพียง 5,000 บาทว่า ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ซึ่งต้องรอกลไกในการตั้งคณะกรรมการการประชุม และมีการมอบหมายงานเพื่อทำข้อสรุป และนำเสนออีกครั้ง ยังมีเวลาอยู่
เมื่อถามว่า เงื่อนไขของโครงการที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการตั้งเป้าการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายจุลพันธ์ ระบุว่า ก็ลดลงไปตามสัดส่วนในแต่ละรอบ แต่เม็ดเงินที่เติมลงไป ไม่ได้หายไปไหน เป็นสภาพคล่องที่เติมเข้าไปในระบบเงินยังหมุนเวียนอยู่ในระบบ และอาจมีการรั่วไหลบ้าง แต่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมในการเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนจะแจกในช่วงเทศกาลเพื่อการใช้เงินที่มากขึ้นหรือไม่ ตนเองยังไม่ขอตอบ ต้องดูอีกทีดีกว่า
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงเฟส 2 ห่างออกไป จะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ว่า ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราแบ่งฝ่ายชัดเจนแล้ว เราต้องคำนวณในจุดที่มีความเหมาะสมที่สุด ห่างไปก็ไม่ดี เพราะจะเกิดจังหวะเฉื่อย ซึ่งความเหมาะสมคือไม่ ห่างกันเกินไปและชิดกันเกินไป และเมื่อเงินเข้าไปแล้วไม่เกิดแรงบวกทางเศรษฐกิจ เช่น ช่วงไฮซีซั่น เกิดแรงบวกทางเศรษฐกิจอยู่แล้วจากภาวะอื่น ๆ
"ยืนยันว่า ความเป็นรัฐบาล ต้องสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมให้กับประชาชน เพื่อประชาชนจะรู้สึกได้ถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น" รมช.คลังกล่าว
สำหรับกลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่
ครั้งที่ 1 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ต.ค.2567 โดยกรณีคนพิการจะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 10 ต.ค.2567 และดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 18 ต.ค.2567
ครั้งที่ 2 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 พ.ย.2567 ต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 12 พ.ย.2567 และดำเนินการ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 18 พ.ย.2567
ครั้งที่ 3 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ธ.ค.2567 ต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค.2567 และดำเนินการ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 16 ธ.ค.2567
รมช.คลังแจงแล้ว สะพัดหนัก เงินดิจิทัล เฟส 2 แจก 5,000 บาทจริงมั้ย ชี้เฟสถัดไปจะทำในรูปแบบดิจิทัล แต่ต้องรอมติบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจสรุป
วันที่ 1 ต.ค.2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ที่มีการจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านประชาชนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการรวม 4 วันว่า ขณะนี้ดำเนินการโอนครบถ้วน มีผู้ที่โอนไม่ผ่าน 380,000 ราย ประมาณ 2 % ถือเป็นตัวได้ที่รับได้และยังโอนซ้ำ 3 รอบคือ
วันที่ 22 ของทุกเดือนทั้งเดือนตุลาคมพฤศจิกายน และธันวาคม จากการตรวจสอบข้อมูล เบื้องต้นกลุ่มผู้พิการยังมีผู้ค้างอยู่ 8,829 ราย ส่วนใหญ่ มีปัญหาเรื่องบัตร และมีบางส่วนสิทธิ์ซ้ำกับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 93,000 ราย
ทางกรมบัญชีกลางได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบางส่วน เพราะบางคนมีทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีบัตรผู้พิการ จึงมีการเปลี่ยนช่องทางการโอนเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เงินก็ถึงเรียบร้อย และมีผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการอีก 372,458 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่มีบัญชีหรือบัญชีปิดไปแล้ว ธนาคารถือว่าบัญชีไม่มีการใช้เงินกว่า 20,000 ราย และยังมีผู้ที่ไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วย เลยโอนเงินไม่ได้ Admauto99
"ผู้ที่ยังไม่ตรวจเช็คสิทธิ์สามารถตรวจเช็คสิทธิ์ตัวเองได้ในช่องทางรัฐจ่าย และต้องดูเป็นกรณีไป เพราะช่วงที่ผ่านมาได้รับข้อมูลจากทางออนไลน์ ถ้าสงสัย แต่ไม่มีข้อมูลพื้นฐาน รัฐก็ไม่สามารถเช็คให้ได้ ซึ่งต้องให้เลขบัตรประชาชนและชื่อกับรัฐบาลในการตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบ ก็ไม่ค่อยพบข้อผิดพลาด" นายจุลพันธ์ กล่าว
ขณะนี้เงินเข้าระบบไปแล้วประมาณ 141,000 ล้านบาท และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการคาดการณ์ในเบื้องต้นจะโต 3.35 % ส่วนการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น ตอนนี้ต้องคิดเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะถ้ารออีก 3 เดือน อาจจะเกิดผลทางลบต่อภาวะการทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าการปรับครั้งนี้เป็นการปรับให้ตรงกับผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยอมรับว่ามีการใช้นอกเหนือจากสิ่งที่เราหวัง แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนคิดเป็นจำนวนน้อยมาก และนำเรื่องนี้มาเป็นปัญหาจนไม่สามารถเดินหน้าโครงการไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเฟสถัดไปพยายามจะทำในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เม็ดเงินตรงกับสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมดให้ได้
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าในเฟส 2 จะแจกเพียง 5,000 บาทว่า ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ซึ่งต้องรอกลไกในการตั้งคณะกรรมการการประชุม และมีการมอบหมายงานเพื่อทำข้อสรุป และนำเสนออีกครั้ง ยังมีเวลาอยู่
เมื่อถามว่า เงื่อนไขของโครงการที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการตั้งเป้าการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายจุลพันธ์ ระบุว่า ก็ลดลงไปตามสัดส่วนในแต่ละรอบ แต่เม็ดเงินที่เติมลงไป ไม่ได้หายไปไหน เป็นสภาพคล่องที่เติมเข้าไปในระบบเงินยังหมุนเวียนอยู่ในระบบ และอาจมีการรั่วไหลบ้าง แต่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมในการเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนจะแจกในช่วงเทศกาลเพื่อการใช้เงินที่มากขึ้นหรือไม่ ตนเองยังไม่ขอตอบ ต้องดูอีกทีดีกว่า
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงเฟส 2 ห่างออกไป จะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ว่า ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราแบ่งฝ่ายชัดเจนแล้ว เราต้องคำนวณในจุดที่มีความเหมาะสมที่สุด ห่างไปก็ไม่ดี เพราะจะเกิดจังหวะเฉื่อย ซึ่งความเหมาะสมคือไม่ ห่างกันเกินไปและชิดกันเกินไป และเมื่อเงินเข้าไปแล้วไม่เกิดแรงบวกทางเศรษฐกิจ เช่น ช่วงไฮซีซั่น เกิดแรงบวกทางเศรษฐกิจอยู่แล้วจากภาวะอื่น ๆ
"ยืนยันว่า ความเป็นรัฐบาล ต้องสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมให้กับประชาชน เพื่อประชาชนจะรู้สึกได้ถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น" รมช.คลังกล่าว
สำหรับกลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่
ครั้งที่ 1 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ต.ค.2567 โดยกรณีคนพิการจะต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 10 ต.ค.2567 และดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 18 ต.ค.2567
ครั้งที่ 2 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 พ.ย.2567 ต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 12 พ.ย.2567 และดำเนินการ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 18 พ.ย.2567
ครั้งที่ 3 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ธ.ค.2567 ต้องทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัว คนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค.2567 และดำเนินการ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับ เลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 16 ธ.ค.2567
#56
General Discussion / จับแรงงานผิดกฎหมาย เกือบ 300 ค...
กระทู้ล่าสุด โดย ibl - ก.ย 24, 2024, 11:47 ก่อนเที่ยงจับแรงงานผิดกฎหมาย เกือบ 300 คน ซุกในแคมป์ก่อสร้างที่อยุธยา
จับแรงงานเมียนมา ลักลอบเข้าเมือง เกือบ 300 คน ในแคมป์คนงานก่อสร้างที่อยุธยา ส่งดำเนินคดีก่อนผลักดันกลับประเทศ
วันที่ 24 ก.ย. 67 เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สั่งการป้องกันจังหวัด นำกำลัง อส. ประสานฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจสอบแคมป์คนงาน พื้นที่ ต.หนองน้ำส้ม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พบเป็นแคมป์คนงานที่มารับจ้างก่อสร้างบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของนักลงทุนชาวจีน Bl88bets
จากการตรวจค้น พบแรงงานเมียนมา เป็นชาย 212 และหญิง 52 คน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวแรงงานทั้งหมดมาอยู่กลางลานแคมป์ และตรวจเช็กจำนวน รวมถึงเอกสารการเข้าเมือง แต่พบว่าแรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารการเข้าเมืองอย่างถูกต้อง จึงได้นำแรงงานข้ามชาติทั้งหมดขึ้นรถบรรทุก อส. นำตัวมาส่งที่ว่าการอำเภออุทัย เพื่อลงบันทึกจับกุม และประสาน ตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ส่วนแรงงานทั้งหมดเมื่อเสร็จกระบวนการแล้ว จะถูกส่งกลับประเทศ
ด้าน นายเหน่ แรงงานชาวเมียนมา เปิดเผยว่า แรงงานในแคมป์แห่งนี้มีจำนวนเกือบ 300 คน โดยลักลอบเข้าเมืองมาทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงาน 20,000 บาทต่อคน เพื่อมาทำงานก่อสร้างเป็นกรรมกร ได้ค่าแรงวันละ 500 บาท ส่วนแรงงานเมียนมาที่มีฝีมือ จะได้ค่าแรงอยู่วันละ 600 บาท ซึ่งประเทศเมียนมาเกิดการสู้รบ ทำให้ต้องดิ้นรนออกนอกประเทศมาทำงานยังประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับแคมป์ก่อสร้างแห่งนี้ ถูกจับเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการเข้าจับกุมในลักษณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา.
จับแรงงานเมียนมา ลักลอบเข้าเมือง เกือบ 300 คน ในแคมป์คนงานก่อสร้างที่อยุธยา ส่งดำเนินคดีก่อนผลักดันกลับประเทศ
วันที่ 24 ก.ย. 67 เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สั่งการป้องกันจังหวัด นำกำลัง อส. ประสานฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจสอบแคมป์คนงาน พื้นที่ ต.หนองน้ำส้ม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พบเป็นแคมป์คนงานที่มารับจ้างก่อสร้างบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของนักลงทุนชาวจีน Bl88bets
จากการตรวจค้น พบแรงงานเมียนมา เป็นชาย 212 และหญิง 52 คน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวแรงงานทั้งหมดมาอยู่กลางลานแคมป์ และตรวจเช็กจำนวน รวมถึงเอกสารการเข้าเมือง แต่พบว่าแรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารการเข้าเมืองอย่างถูกต้อง จึงได้นำแรงงานข้ามชาติทั้งหมดขึ้นรถบรรทุก อส. นำตัวมาส่งที่ว่าการอำเภออุทัย เพื่อลงบันทึกจับกุม และประสาน ตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ส่วนแรงงานทั้งหมดเมื่อเสร็จกระบวนการแล้ว จะถูกส่งกลับประเทศ
ด้าน นายเหน่ แรงงานชาวเมียนมา เปิดเผยว่า แรงงานในแคมป์แห่งนี้มีจำนวนเกือบ 300 คน โดยลักลอบเข้าเมืองมาทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงาน 20,000 บาทต่อคน เพื่อมาทำงานก่อสร้างเป็นกรรมกร ได้ค่าแรงวันละ 500 บาท ส่วนแรงงานเมียนมาที่มีฝีมือ จะได้ค่าแรงอยู่วันละ 600 บาท ซึ่งประเทศเมียนมาเกิดการสู้รบ ทำให้ต้องดิ้นรนออกนอกประเทศมาทำงานยังประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับแคมป์ก่อสร้างแห่งนี้ ถูกจับเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการเข้าจับกุมในลักษณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา.
#57
General Discussion / 'บุ๋ม ปนัดดา' เผย คนแม่สาย ไม่...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ก.ย 24, 2024, 09:04 ก่อนเที่ยง'บุ๋ม ปนัดดา' เผย คนแม่สาย ไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ต้องการข้าว-เนื้อสัตว์ 30 ตันด่วน
'บุ๋ม ปนัดดา' เผย คนแม่สาย ไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ของสดของแห้งแทบหมดแล้ว เหลือเพียงพออีกแค่ 2 วัน ต้องการข้าว-เนื้อสัตว์ 30 ตันด่วน
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ แม้ในบางพื้นที่น้ำจะลดลงแล้ว แต่ความเสียหายและความสูญเสีย หลังจากน้ำลดเรียกว่ามีจำนวนมาก หลายคนเสียบ้าน รถ ทรัพย์สินต่าง ๆ ไปกับน้ำท่วม สิ้นเนื้อประดาตัว หลายครอบครัวแม้แต่อาหารในแต่ละวันยังแทบไม่มีทาน
ล่าสุดแฟนเพจเฟซบุ๊ก ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อีกหนึ่งบุคคลที่ออกแรงกายและใจ Admauto99 ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้ออกมาโพสต์ข้อความส่วนตัวถึงสถานการณ์ชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่แม้น้ำลดแล้วแต่ยังต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ขาดแคลนปัจจัยหลักอย่างอาหาร
บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า "ตอนนี้แม่สายคนไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ทางมูลนิธิสนับสนุนวันละหลายพันกล่องต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์ ไม่มีของสดและของแห้งเหลือแล้ว วัดก็จะปิดโรงครัว ขาดวัตถุดิบ ต้องการข้าวและเนื้อสัตว์ 30 ตันด่วน ใครมีรบกวนด้วยนะคะ ยินดี CSR ให้ค่ะ"
นอกจากนี้เธอยังระบุเพิ่มว่า "ศูนย์ที่เชียงรายของทางมูลนิธิ เหลือเนื้อสัตว์กับข้าวสำหรับแค่ 2 วัน"
'บุ๋ม ปนัดดา' เผย คนแม่สาย ไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ของสดของแห้งแทบหมดแล้ว เหลือเพียงพออีกแค่ 2 วัน ต้องการข้าว-เนื้อสัตว์ 30 ตันด่วน
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ แม้ในบางพื้นที่น้ำจะลดลงแล้ว แต่ความเสียหายและความสูญเสีย หลังจากน้ำลดเรียกว่ามีจำนวนมาก หลายคนเสียบ้าน รถ ทรัพย์สินต่าง ๆ ไปกับน้ำท่วม สิ้นเนื้อประดาตัว หลายครอบครัวแม้แต่อาหารในแต่ละวันยังแทบไม่มีทาน
ล่าสุดแฟนเพจเฟซบุ๊ก ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อีกหนึ่งบุคคลที่ออกแรงกายและใจ Admauto99 ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้ออกมาโพสต์ข้อความส่วนตัวถึงสถานการณ์ชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่แม้น้ำลดแล้วแต่ยังต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ขาดแคลนปัจจัยหลักอย่างอาหาร
บุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า "ตอนนี้แม่สายคนไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ทางมูลนิธิสนับสนุนวันละหลายพันกล่องต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์ ไม่มีของสดและของแห้งเหลือแล้ว วัดก็จะปิดโรงครัว ขาดวัตถุดิบ ต้องการข้าวและเนื้อสัตว์ 30 ตันด่วน ใครมีรบกวนด้วยนะคะ ยินดี CSR ให้ค่ะ"
นอกจากนี้เธอยังระบุเพิ่มว่า "ศูนย์ที่เชียงรายของทางมูลนิธิ เหลือเนื้อสัตว์กับข้าวสำหรับแค่ 2 วัน"
#58
General Discussion / หญิง71 ฮึดสู้แย่งมีด หนุ่ม47 ป...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ก.ย 23, 2024, 09:17 ก่อนเที่ยงหญิง71 ฮึดสู้แย่งมีด หนุ่ม47 ปีนบ้าน ทำร้ายร่างกายหวังขืนใจ อ้างแค่จะปอกมะม่วงให้ยายกิน
หญิง71 ฮึดสู้แย่งมีด หนุ่ม47 เมายาแอบปีนบ้าน ทำร้ายร่างกายหวังจะขืนใจ ชาวบ้านช่วยรวบตัว อ้างไม่ได้จะขืนใจ แค่อยากปอกมะม่วงให้ยายกิน
วันที่ 23 ก.ย. 67 ร.ต.อ.ไกรศักดิ์ เฉยฉิว รอง สวป. สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกำลัง รับแจ้งเหตุมีคนร้ายเข้าไปพยายามขืนใจคนในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านไม้โบราณยกสูง ภายในชุมชนตรงข้ามวัดบางเกลือ
พบนายมนู จันทร์เพ็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และญาติพี่น้องชาวบ้าน ช่วยจับตัว นายสมพงษ์ หรือตี๋ อายุ 47 ปี สภาพสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ อยู่ภายในบ้าน ถูกจับมัดมืด มัดเท้ารอตำรวจ ส่วนอาวุธมีดตกลงไปอยู่ใต้ถุนบ้าน และยังพบมะม่วง น้ำยาล้างห้องน้ำ กระเป๋า ไฟฉาย อีกทั้งยังผูกเชือกอยู่กลางบ้าน ส่วนผู้เสียหายทราบชื่อนางเอ (นามสมมติ) อายุ 71 ปี ได้รับบาดเจ็บบวมตามใบหน้า แผลถลอกตามร่างกาย นั่งอยู่นอกบ้านกับญาติ
จากการสอบถาม นางเอ เผยว่า ขณะที่ตนตื่นมาช่วง 05.30 น. เพื่อหุงข้าวและไฟในบ้านเปิดไม่ติด มีคนร้ายเข้ามาจากด้านหลังแล้วใช้มีดจี้คอและใช้มืออุดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง แต่ตนกลัวตายเลยฮึดสู้แย่งมีดกับคนร้าย ก่อนที่จะทำให้มีดของคนร้ายตกลงไปที่ใต้ถุนบ้าน Admauto99
จากนั้นคนร้ายก็พยายามถอดเสื้อผ้า และผ้าถุงของตน จึงพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากญาติที่อยู่บ้านติดกันจนหลายคนได้ยินเสียง แล้วรีบเปิดประตูเข้ามาช่วยจนรอดตาย
ด้าน นายตี๋ ให้การว่า ตนเสพยาบ้าที่ศาลาข้างวัด แล้วช่วงตี 4 ก็เดินข้ามสะพานไม้มาที่บ้านของนางเอ จากนั้นก็ย่องปีนจากข้างบ้านเข้าไปนอนที่เตียงภายในบ้านซึ่งไม่ได้ใช้แล้ว โดยมีการผูกเชือกเอาไว้ พอนางเอเดินออกมาก็เอามีดจะไปปอกมะม่วงให้กิน แต่นางเอโวยวายทำให้ต้องใช้มีดจี้คอ ก่อนจะยื้อแย่งมีดกัน แต่ไม่ได้จะขืนใจแต่อย่างใด ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายจริง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาพยายามข่มขืน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน และทำร้ายร่างกายผู้อื่น พร้อมส่งตัวนางเอไปตรวจร่างกาย ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุต่อไป
หญิง71 ฮึดสู้แย่งมีด หนุ่ม47 เมายาแอบปีนบ้าน ทำร้ายร่างกายหวังจะขืนใจ ชาวบ้านช่วยรวบตัว อ้างไม่ได้จะขืนใจ แค่อยากปอกมะม่วงให้ยายกิน
วันที่ 23 ก.ย. 67 ร.ต.อ.ไกรศักดิ์ เฉยฉิว รอง สวป. สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกำลัง รับแจ้งเหตุมีคนร้ายเข้าไปพยายามขืนใจคนในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านไม้โบราณยกสูง ภายในชุมชนตรงข้ามวัดบางเกลือ
พบนายมนู จันทร์เพ็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และญาติพี่น้องชาวบ้าน ช่วยจับตัว นายสมพงษ์ หรือตี๋ อายุ 47 ปี สภาพสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ อยู่ภายในบ้าน ถูกจับมัดมืด มัดเท้ารอตำรวจ ส่วนอาวุธมีดตกลงไปอยู่ใต้ถุนบ้าน และยังพบมะม่วง น้ำยาล้างห้องน้ำ กระเป๋า ไฟฉาย อีกทั้งยังผูกเชือกอยู่กลางบ้าน ส่วนผู้เสียหายทราบชื่อนางเอ (นามสมมติ) อายุ 71 ปี ได้รับบาดเจ็บบวมตามใบหน้า แผลถลอกตามร่างกาย นั่งอยู่นอกบ้านกับญาติ
จากการสอบถาม นางเอ เผยว่า ขณะที่ตนตื่นมาช่วง 05.30 น. เพื่อหุงข้าวและไฟในบ้านเปิดไม่ติด มีคนร้ายเข้ามาจากด้านหลังแล้วใช้มีดจี้คอและใช้มืออุดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง แต่ตนกลัวตายเลยฮึดสู้แย่งมีดกับคนร้าย ก่อนที่จะทำให้มีดของคนร้ายตกลงไปที่ใต้ถุนบ้าน Admauto99
จากนั้นคนร้ายก็พยายามถอดเสื้อผ้า และผ้าถุงของตน จึงพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากญาติที่อยู่บ้านติดกันจนหลายคนได้ยินเสียง แล้วรีบเปิดประตูเข้ามาช่วยจนรอดตาย
ด้าน นายตี๋ ให้การว่า ตนเสพยาบ้าที่ศาลาข้างวัด แล้วช่วงตี 4 ก็เดินข้ามสะพานไม้มาที่บ้านของนางเอ จากนั้นก็ย่องปีนจากข้างบ้านเข้าไปนอนที่เตียงภายในบ้านซึ่งไม่ได้ใช้แล้ว โดยมีการผูกเชือกเอาไว้ พอนางเอเดินออกมาก็เอามีดจะไปปอกมะม่วงให้กิน แต่นางเอโวยวายทำให้ต้องใช้มีดจี้คอ ก่อนจะยื้อแย่งมีดกัน แต่ไม่ได้จะขืนใจแต่อย่างใด ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายจริง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาพยายามข่มขืน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน และทำร้ายร่างกายผู้อื่น พร้อมส่งตัวนางเอไปตรวจร่างกาย ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุต่อไป
#59
General Discussion / กำหนดการงานอภิธรรมศพ อ๋อม อรรค...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ก.ย 22, 2024, 09:19 ก่อนเที่ยงกำหนดการงานอภิธรรมศพ อ๋อม อรรคพันธ์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง
เปิดกำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรม และ พิธีฌาปนกิจ อ๋อม อรรคพันธ์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง หลังจากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี
วันที่ 22 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรรม และ พิธีฌาปนกิจ นายอรรคพันธ์ นะมาตร์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ศาลา 12 สมัครadmauto99
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567
เวลา 16.30 น. พิธีรดน้ำศพ
เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรม
วันจันทร์ที่ 23 – วันพฤทัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567
เวลา 18.30 น. สวดพระอภิธรรม
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567
เวลา 10.30 น. ทำบุญเลี้ยงพระสวดมาติกา
เวลา 15.00 น. พิธีฌาปนกิจ
สุดอาลัย อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกหนุ่ม เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 39 ปี
จึงกราบเรียนและขอเรียนเชิญด้วยความเคารพอย่างสูง นายสุพงค์ นะมาตร์ (บิดา) นางอมรถนอม นะมาตร์ (มารดา) ดาเรีย เชฟรุก (ภรรยา) (เจ้าภาพกราบขออภัยหากมิได้มาเรียนเชิญด้วยคนเอง)
อ่านข่าว : สุดอาลัย อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกหนุ่ม เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 39 ปี
อ่านข่าว : เปิดประวัติ อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกมากฝีมือ เจ้าของรางวัลโทรทัศน์ทองคำ
อ่านข่าว : เปิดภาพล่าสุด อ๋อม อรรคพันธ์ หลังป่วยมะเร็ง ก่อนจากไปอย่างสงบ
เปิดกำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรม และ พิธีฌาปนกิจ อ๋อม อรรคพันธ์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง หลังจากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี.
เปิดกำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรม และ พิธีฌาปนกิจ อ๋อม อรรคพันธ์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง หลังจากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี
วันที่ 22 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรรม และ พิธีฌาปนกิจ นายอรรคพันธ์ นะมาตร์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ศาลา 12 สมัครadmauto99
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567
เวลา 16.30 น. พิธีรดน้ำศพ
เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรม
วันจันทร์ที่ 23 – วันพฤทัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567
เวลา 18.30 น. สวดพระอภิธรรม
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567
เวลา 10.30 น. ทำบุญเลี้ยงพระสวดมาติกา
เวลา 15.00 น. พิธีฌาปนกิจ
สุดอาลัย อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกหนุ่ม เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 39 ปี
จึงกราบเรียนและขอเรียนเชิญด้วยความเคารพอย่างสูง นายสุพงค์ นะมาตร์ (บิดา) นางอมรถนอม นะมาตร์ (มารดา) ดาเรีย เชฟรุก (ภรรยา) (เจ้าภาพกราบขออภัยหากมิได้มาเรียนเชิญด้วยคนเอง)
อ่านข่าว : สุดอาลัย อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกหนุ่ม เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 39 ปี
อ่านข่าว : เปิดประวัติ อ๋อม อรรคพันธ์ พระเอกมากฝีมือ เจ้าของรางวัลโทรทัศน์ทองคำ
อ่านข่าว : เปิดภาพล่าสุด อ๋อม อรรคพันธ์ หลังป่วยมะเร็ง ก่อนจากไปอย่างสงบ
เปิดกำหนดการพิธีรดน้ำศพ พิธีสวดพระอภิธรรม และ พิธีฌาปนกิจ อ๋อม อรรคพันธ์ ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง หลังจากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี.
#60
General Discussion / “ชัยชนะ” ไม่เห็นด้วยแก้จริยธรร...
กระทู้ล่าสุด โดย thanin - ก.ย 21, 2024, 09:21 ก่อนเที่ยง"ชัยชนะ" ไม่เห็นด้วยแก้จริยธรรม ลั่น คนจะเป็นผู้บริหารต้องพร้อมให้ตรวจสอบ
"ชัยชนะ" ไม่เห็นด้วยแก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้คนจะเป็นผู้บริหารต้องพร้อมให้ตรวจสอบ บอกที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเพราะความผิดเกิดขึ้นจริง แนะแก้จุดบกพร่องของ รธน.ดีกว่า
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง ว่า เรื่องนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้หารือกัน แต่ในความคิดส่วนตัวของตน เห็นด้วยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น แต่ตนไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง เพราะตนเชื่อว่า การที่ทุกคนจะเข้าสู่ตำแหน่ง ต้องพร้อมตรวจสอบจริยธรรม เราจะเป็นผู้บริหารประเทศก็ต้องยอมรับในกติกาที่เกิดขึ้น
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า จุดบกพร่องของรัฐธรรมนูญปี60 สิ่งที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนใน 2 เรื่อง คือ 1. ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ที่ต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง ถือว่าเป็นการตอบคำถามจากประชาชนได้ชัดเจนว่า ตัวแทนประชาชน ประชาชนต้องมีสิทธิ์เลือก และ2.เรื่องที่ห้ามสส. เข้าไปประสานงานกับหน่วยงานราชการ เรื่องนี้ตนคิดว่าค้านสายตากัน ต้องยอมรับว่าของสส.กับหน่วยงานราชการทั้งหมดต้องทำงานคู่กันอยู่แล้ว เพราะ สส. ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ก็ต้องไปนำเสนอกับหน่วยงานต่างๆ และประสานงานกัน ส่วนกติกาเลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งก่อนพรรคประชาธิปัตย์เสนอการแก้ไขไปแล้ว แต่ที่สำคัญควรจะบรรจุการกระจายอำนาจของท้องถิ่น การถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ารายได้ 60หรือ 40% ต้องถ่ายโอนให้ท้องถิ่นเลย โดยบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญเพราะที่ผ่านมาอยู่ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ไปสู่การปกครองส่วนท้องถิ่น เขียนเพียง Admauto99 ว่า จะกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 35% จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ยังได้ไม่ครบ เพราะฉะนั้นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขและยืนยันชัดเจนว่าการกระจายอำนาจ เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเลย
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล เสนอการแก้จะได้ทำนักการเมืองขึ้นมา เป็นเพราะกรณีของนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกฯหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยอย่าใช้คำว่าพรรคเพื่อไทยเลย เพราะจากที่ฟังการให้สัมภาษณ์ของแกนนำก็ยังไม่ตกผลึก แต่มีคนไปยื่นร่างแก้ไขไว้ก่อน จะต้องมีการหารือกันและตนคิดว่าเรื่องจริยธรรม ไม่ใช่จะไปตีว่าเรื่องนี้ผิดหรือไม่ผิด คิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเป็นเรื่องอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เป็นประเด็นแล้วเอามาเป็นประเด็น ตนคิดว่าต้องมองให้กว้างมากกว่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินผิดจริยธรรมซึ่งความผิดเกิดขึ้นแล้วและเกิดขึ้นจริง
เมื่อถามว่าจะมีการนำเรื่องนี้ไปหารือกันในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ถ้ามีการแก้ไขจริงก็ต้องนำไปหารืออยู่แล้วว่าจะเอาอย่างไรแต่ในส่วนของตน และมุมมองของตนเห็นแบบนี้ คือไม่เห็นด้วยในการแก้ไขจริยธรรมนักการเมือง
ต่อข้อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.)ฝ่ายกฎหมาย เตรียมที่จะเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า เห็นด้วย และคุณสมบัติของสมาชิกพรรคการเมืองต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 58 ของสส.ทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครไปร่วมหารือกับรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนายชัยชนะกล่าวว่า พรรคมีตัวแทนวิปรัฐบาลอยู่แล้วคือนายประมวล พงศ์ถาวรเดช สส. ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคฯในฐานะประธานสส.พรรคฯ ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนหารือ.
"ชัยชนะ" ไม่เห็นด้วยแก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้คนจะเป็นผู้บริหารต้องพร้อมให้ตรวจสอบ บอกที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเพราะความผิดเกิดขึ้นจริง แนะแก้จุดบกพร่องของ รธน.ดีกว่า
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง ว่า เรื่องนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้หารือกัน แต่ในความคิดส่วนตัวของตน เห็นด้วยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น แต่ตนไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง เพราะตนเชื่อว่า การที่ทุกคนจะเข้าสู่ตำแหน่ง ต้องพร้อมตรวจสอบจริยธรรม เราจะเป็นผู้บริหารประเทศก็ต้องยอมรับในกติกาที่เกิดขึ้น
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า จุดบกพร่องของรัฐธรรมนูญปี60 สิ่งที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนใน 2 เรื่อง คือ 1. ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ที่ต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง ถือว่าเป็นการตอบคำถามจากประชาชนได้ชัดเจนว่า ตัวแทนประชาชน ประชาชนต้องมีสิทธิ์เลือก และ2.เรื่องที่ห้ามสส. เข้าไปประสานงานกับหน่วยงานราชการ เรื่องนี้ตนคิดว่าค้านสายตากัน ต้องยอมรับว่าของสส.กับหน่วยงานราชการทั้งหมดต้องทำงานคู่กันอยู่แล้ว เพราะ สส. ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ก็ต้องไปนำเสนอกับหน่วยงานต่างๆ และประสานงานกัน ส่วนกติกาเลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งก่อนพรรคประชาธิปัตย์เสนอการแก้ไขไปแล้ว แต่ที่สำคัญควรจะบรรจุการกระจายอำนาจของท้องถิ่น การถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ารายได้ 60หรือ 40% ต้องถ่ายโอนให้ท้องถิ่นเลย โดยบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญเพราะที่ผ่านมาอยู่ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ไปสู่การปกครองส่วนท้องถิ่น เขียนเพียง Admauto99 ว่า จะกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 35% จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ยังได้ไม่ครบ เพราะฉะนั้นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขและยืนยันชัดเจนว่าการกระจายอำนาจ เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเลย
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล เสนอการแก้จะได้ทำนักการเมืองขึ้นมา เป็นเพราะกรณีของนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกฯหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยอย่าใช้คำว่าพรรคเพื่อไทยเลย เพราะจากที่ฟังการให้สัมภาษณ์ของแกนนำก็ยังไม่ตกผลึก แต่มีคนไปยื่นร่างแก้ไขไว้ก่อน จะต้องมีการหารือกันและตนคิดว่าเรื่องจริยธรรม ไม่ใช่จะไปตีว่าเรื่องนี้ผิดหรือไม่ผิด คิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเป็นเรื่องอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เป็นประเด็นแล้วเอามาเป็นประเด็น ตนคิดว่าต้องมองให้กว้างมากกว่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินผิดจริยธรรมซึ่งความผิดเกิดขึ้นแล้วและเกิดขึ้นจริง
เมื่อถามว่าจะมีการนำเรื่องนี้ไปหารือกันในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ถ้ามีการแก้ไขจริงก็ต้องนำไปหารืออยู่แล้วว่าจะเอาอย่างไรแต่ในส่วนของตน และมุมมองของตนเห็นแบบนี้ คือไม่เห็นด้วยในการแก้ไขจริยธรรมนักการเมือง
ต่อข้อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.)ฝ่ายกฎหมาย เตรียมที่จะเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า เห็นด้วย และคุณสมบัติของสมาชิกพรรคการเมืองต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 58 ของสส.ทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครไปร่วมหารือกับรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนายชัยชนะกล่าวว่า พรรคมีตัวแทนวิปรัฐบาลอยู่แล้วคือนายประมวล พงศ์ถาวรเดช สส. ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคฯในฐานะประธานสส.พรรคฯ ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนหารือ.